ในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์ไม่มีนักดนตรีใดที่จะลงเสียงได้ยากกว่า Aphex Twin ในสหราชอาณาจักร ภายใต้นามแฝงและด้วยการทดลองมากมาย Aphex Twin (Richard D. James) ได้เพิ่มการสังเคราะห์และการเขียนโปรแกรมเสียงไปอีกระดับด้วยแคตตาล็อกกว่าสามทศวรรษที่มีความหนาแน่นสูงด้านหลัง ตั้งแต่ Ambient Works ที่คัดสรรมาตั้งแต่แรก 85-92 (1992) ถึงการผลิตอัลบั้มเต็มล่าสุดของเขา Syro (2014), James พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวเองเป็นศิลปินที่มีนวัตกรรม โอกาสที่คุณจะได้เห็นรอยยิ้มอันน่ากลัวของเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งในอินเทอร์เน็ต แต่เราโพรไฟล์ 10 เพลงที่แสดงความบ้าคลั่งที่มีพรสวรรค์ด้านหลังหนึ่งในนักประพันธ์เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค
Windowlicker
มันยากมากที่จะเริ่มจากที่อื่น แต่ด้วยหนึ่งในผลงานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากเพลงของเขาและ Windowlicker เป็นหนึ่งในผลงานที่เปิดเผยมากที่สุดของ Aphex Twin วางจำหน่ายในเดือนมีนาคมปี 1999 เพลงนี้เป็นเพลงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และเต้นรำได้อย่างยอดเยี่ยมพร้อมเสียงร้องชั้นตัวอย่างกลองที่พร่ำเพ้อและเสียงมอดูเลตของเจมส์ ร่วมกับ Chris Cunningham เขาปล่อยมิวสิกวิดีโอนี้ (NSFW) 10 นาทีที่สมบูรณ์พร้อมกับการเต้นของเขาและรอยยิ้มรอยยิ้มทับทับบนนักเต้นหญิงทุกคนของพวกเขา เขาได้รับรางวัล Single of the Year Award ของ NME ในปี 1999 และได้ออกแถลงการณ์เพื่อลุ้นรับรางวัลรวมถึง 'หวังว่าทุกคนจะมีปาร์ตี้ปีใหม่ที่น่าเบื่อโดยสิ้นเชิง อาเจียนบนพื้นห้องน้ำ
'เป็นความเชื่อมั่นที่เป็นไปได้เกี่ยวกับผู้มีชื่อเสียงทางดนตรีขนาดใหญ่และความปรารถนาของเขาเองที่จะหลีกเลี่ยงมัน
Xtal
ย้อนเวลากลับไปอัลบั้มสตูดิโอเปิดตัวที่คัดสรร Ambient Works 85-92 (1992) เป็นงานที่สร้างขึ้นจากการบันทึกเริ่มต้นของจุดเริ่มต้นของ Aphex Twin และได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นอัลบั้มที่เชื่อมโยงกัน นักดนตรีและนักวิจารณ์เหมือนกัน Xtal เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญจากอัลบั้มและเต็มไปด้วยตัวอย่างเสียงร้องหญิงที่ไพเราะและการเต้นกลองที่ไม่มีตัวตนทำให้เสียงรอบข้างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่ไหลลื่นและมีเหตุผลเพียงพอที่จะได้รับความสนใจ
เราคือผู้สร้างเพลง
เพลงอีกเพลงหนึ่งจากผลงานสตูดิโอเปิดตัวของเขา We Are the Music Makers ทำตามความเรียบง่ายของอัลบั้มเดียวกันรวมกับการทดลองกลองและการสังเคราะห์อย่างละเอียด 'เราเป็นผู้ผลิตเพลงและเราเป็นผู้ใฝ่ฝันแห่งความฝัน' เป็นแกนนำสายเดียวที่ปรากฏในเพลงและเป็นตัวอย่างจากวิลลี่วองก้าและโรงงานช็อกโกแลตรุ่นปีพ. ศ. 2514 - หนึ่งในตัวอย่างน้อย ๆ อัลบั้มพร้อมกับบางส่วนที่บันทึกไว้ของ RoboCop และภาพยนตร์เรื่อง หนักกว่า Xtal เพียงเล็กน้อยด้วยเส้นเสียงเบสที่โดดเด่นที่นำชิ้นส่วนไปข้างหน้า We Are the Music Makers เป็นชิ้นส่วนที่บอบบาง แต่มีผลกระทบต่ออัลบั้มและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงสำหรับคนส่วนใหญ่ที่รับฟัง
didgeridoo
ไม่นานก่อนที่จะเลือก Ambient Works 85-92, Aphex Twin ได้เปิดตัว EP ตัวเล็ก ๆ ชื่อ Didgeridoo (1992) ซึ่งมีเพลงสี่เพลงที่จะรวมอยู่ในการรวบรวมผลงานชิ้นเอกของเขาในภายหลัง ที่ด้านบนของรายการเพลงนั้นมีชื่อว่า Didgeridoo ซึ่งเป็นเพลงที่มีบรรยากาศคล้าย ๆ แต่มีความคลั่งไคล้ด้วยจังหวะการสนับสนุนอันทรงพลังและก้าวร้าวและเสียง 'didgeridoo' ที่เต้นแรง สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดเกี่ยวกับเพลงคือความจริงที่ว่าอเฟ็กซ์ทวินไม่เคยใช้ตัวอย่างของดิดเจอริดูจริง ๆ เลยเลือกที่จะสร้างเสียงใหม่ผ่านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเบื่อเพื่อให้ได้เสียงพึมพำที่ถูกต้อง ด้านล่างเป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่มีชีวิตของเพลงที่ลอยอยู่รอบ ๆ จาก Glastonbury 1997 (แทร็กเริ่มต้นที่ประมาณ 30 วินาทีใน)
กรดคอร์นิช
การรวมกันของรากของเจมส์ (เขาเกิดในไอร์แลนด์และเติบโตขึ้นมาในคอร์นวอลล์อังกฤษ) และตะโกนออกไปในแนวเพลงในชื่อคอร์นิชกรดเป็นกรดอย่างเข้มงวดและรอบข้างน้อยกว่ารายการข้างต้น นอกเสียจากอัลบั้มอย่างแท้จริง Richard D. James (1996) เพลงนี้มีความยาวน้อยกว่าสามนาที แต่สรุปสาระสำคัญของขั้นตอนของ Aphex Twin ในพื้นที่ดิจิทัลและหนักกว่าและสิ่งที่กำหนดเพลงที่เขามี ทำมาตั้งแต่ อัลบั้มจะรวมอยู่ในรายชื่ออัลบั้ม 90 อันดับต้น ๆ จากสิ่งพิมพ์เช่น Pitchfork และ Spin และรวม smirk ลายเซ็นบนปกอัลบั้ม ในการใช้ใบหน้าของเขาซ้ำ ๆ ตลอดการทำงานของเขา Aphex Twin อ้างว่า: 'ฉันทำเพราะ
.การเรียงลำดับของกฎที่ไม่ได้เขียนไว้คือไม่สามารถวางหน้าของคุณบนแขนเสื้อ มันต้องเป็นเหมือนแผงวงจรหรืออะไรซักอย่าง ดังนั้นฉันจึงใส่ใบหน้าลงบนแขนเสื้อ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันทำในตอนแรก แต่หลังจากนั้นฉันก็ถูกพาไป '
Dodeccaheedron
Classics (1994) เป็นอัลบั้มสะสมซึ่งประกอบด้วยงานลอยจากสถานที่เช่น Didgeridoo EP, Xylem Tube EP พร้อมกับเพลงอื่น ๆ อีกไม่กี่เพลงที่ผูกไว้ Dodeccaheedron ปรากฏตัวครั้งแรกใน Xylem Tube และสะท้อนให้เห็นถึงความเทคโนของ Aphex Twin ความมืดหน้าด้านและเต้นได้เพลงนี้ใช้จังหวะที่ผิดเพี้ยนและจับใจด้วยเสียงครวญครางอิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างเศร้าซึ่งเหมาะอย่างสมบูรณ์ แต่ยังโดดเด่นจากเสียงแหลมที่สำคัญเล็กน้อยที่ไหลตลอดทั้งเพลง เช่นเดียวกับงานส่วนใหญ่ของ Aphex Twin มันมีวิธีทำให้คุณงงงวยอย่างสมบูรณ์จากสิ่งที่คุณรู้ในขณะที่ชวนให้คุณฟังเสียงที่ไม่รู้จัก
สมการ
ปล่อยออกมาเป็นอีกซิงเกิ้ลพร้อมกับ Windowlicker สมการที่สองชื่อจริงแล้วคือ 'ΔMi −1 = −αΣn = 1 N Di [n] [Σj∈C [i] Fji [n - 1] + Fexti [n −1] 'สำหรับปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนหลายคนได้ตัดสินใจที่จะเรียกมันว่า 'สูตร' อย่างไม่เป็นทางการ แต่ความซับซ้อนที่อยู่เบื้องหลังชื่อของมันสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะที่ซับซ้อนของเพลงโดยรวม ในสิ่งที่เสียงเหมือนความบาดหมางกันและยิ่งกว่า 'ไร้สาระ' คือการรวมกันของชั้นกลองตัวอย่างเสียงมอดูเลตและเสียงผิดปกติที่เป็นสิ่งที่ทำให้ Aphex Twin เพลงนี้ให้ประสบการณ์ทางเสียงกับร่างกายได้มากเท่าที่หูของคุณพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและพื้นผิวที่เปลี่ยนแปลงไป เอเฟ็กซ์ทวินนั้นเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวและน่ารำคาญมากที่สุดเท่าที่เขาจะได้รับจากการสร้างสรรค์เสียง แต่ความรู้สึกเหล่านั้นเป็นมุมมองที่แท้จริงในเพลงนี้ เมื่อเพลงถูกแปลโดย spectrogram ด้วยสายตาใกล้ใบหน้า 5:30 มาร์คเจมส์ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเดียวกันกับที่เขาได้รับ 'พาไป' ด้วย คุณกำลังฟัง Richard D. James อย่างมากเนื่องจากใบหน้าของเขาเข้ามาในหูของคุณโดยตรง
Avril 14th
ในหนึ่งในอัลบั้มที่ไม่ได้รับการยกย่องจาก Drukqs (2001) ในความเป็นจริงแล้วอัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงความสามารถด้านการประพันธ์ของ Aphex Twin ด้วยการใช้เครื่องมือทางกายภาพ (เปียโน, ฮาร์โมเนียมและเครื่องมือตอก) ซึ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์พร้อมกับการซ้อนทับอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเขาสามารถผสมผสานแบบดั้งเดิมกับเทคโนสำหรับการออกกำลังกายในพื้นที่อะคูสติกไฟฟ้า ในขณะที่ความลับน้อยลงและตั้งคำถามน้อยลงเมื่อเทียบกับผลงานอื่นของเขามีบางอย่างที่เป็นส่วนตัวเกี่ยวกับอัลบั้มนี้มากขึ้นเช่นเจมส์เป็นตัวเขาเองสำรวจสิ่งที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยม Avril 14 กลายเป็นที่นิยมในวัฒนธรรมป๊อปซึ่งรวมอยู่ในโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายเรื่อง และแม้กระทั่งตัวอย่างโดย Kanye West แต่มันก็เป็นเพียงเปียโนที่ไพเราะไพเราะนุ่มนวลและเงียบสงบกว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาก่อน ผู้ฟังครั้งแรกจะไม่จับคู่เพลงนี้กับรายชื่อจานวนที่เหลือของ Aphex Twin แต่คุณค่าทางศิลปะและความแตกต่างของทั้งเสียงด้านเทคนิคและเสียงสะท้อนทางอารมณ์แสดงให้เห็นว่าเจมส์มีความสามารถหลากหลายและมีความสามารถอย่างแท้จริง
# 3
ในปี 1994 เอเฟ็กซ์ทวินเปิดตัวการโจมตีอีกครั้งสู่เสียงรอบข้างด้วยอัลบั้มของเขาที่เลือก Ambient Works Volume II การติดตามผลงานอัลบั้มแรกที่มีชื่อเดียวกันนี่เป็นการตรวจสอบความฝันที่ชัดเจนของ Aphex Twin ในขณะที่เขาจะได้ยินเสียงในขณะหลับและพยายามสร้างมันขึ้นมาใหม่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เพลงไม่มีชื่อโดยตรงมีเพียงหมายเลขลำดับที่กำหนดในอัลบั้มและ # 3 โดดเด่นเป็นสัญญาณที่เปล่งประกายของทั้งเสียงรอบข้างและเพลงที่สมบูรณ์เมื่อรอบพบกับลักษณะที่ซ้ำซ้อนและเรียบง่ายของโครงสร้าง ในกรณีที่สภาพแวดล้อมอาจมีปัญหาเรื่องรูปแบบที่ไม่แน่นเกินไปความรู้สึกยึดเหนี่ยวที่ยากลำบาก # 3 ทำให้คุณเข้าใจได้ด้วยเมโลดี้ที่เศร้าโศกและการสิ้นสุดอย่างฉับพลัน
